สำหรับท่านสุภาพสตรีที่คิดว่าจะมีบุตรนั้นมักจะมีประวัติขาดประจำเดือนมาก่อน และตามด้วยอาการของคนตั้งครรภ์ อาการของคนตั้งครรภ์แต่ละคนจะไม่เหมือนกันมากบ้างน้อยบ้าง ไม่จำเป็นต้องมีครบ อาการที่พบบ่อยได้แก่
อาการขาดประจำเดือน
ส่วนใหญ่จะสงสัยว่าตัวเองตั้งครรภ์ก็ต่อเมื่อขาดประจำเดือน หรือประจำเดือนเลื่อนออกไป บางท่านอาจจะมีเลือกออกกระปริดกระปอยในช่วงที่ตัวอ่อนฝังตัวที่ผนังมดลูก แต่เลือกออกไม่มากเหมือนประจำเดือน แต่สำหรับท่านที่ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ ท่านอาจจะตั้งครรภ์โดยไม่รู้ตัว คงต้องอาศัยอาการอื่นด้วย
อาการแพ้ท้อง
อาการคลื่นไส้อาเจียนหรือที่เรียกว่าอาการแพ้ท้อง มักเกิดในระยะแรกของการตั้งครรภ์โดยมากจะเกิดในช่วง2- 8 สัปดาห์ของการตั้งครรภ์ พอเข้าสู่ไตรมาสสองอาการแพ้ท้องจะหายไป บางท่านอาจจะแพ้กลิ่นหรืออาหารบางประเภท เชื่อว่าอาการแพ้ท้องเกิดจากการที่ร่างกายของหญิงตั้งครรภ์ มีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนที่สูงทำให้กระเพาะอาหารมีการบีบตัวน้อยลง อาการของอาการแพ้ท้องมีอะไรบ้าง
- คลื่นไส้อาเจียนหลังจากดื่มน้ำหรือรับประทานอาหาร
- น้ำหนักลด
- ขาดน้ำ
- ปัสสาวะสีเข้ม
- เกลือแร่ในร่างกายอาจผิดปกติ
การดูแลตนเอง
- รับประทานอาหารว่างที่มีโปรตีนสูง
- งดอาหารที่มีไขมันหรือใยอาหารสูงรับประทานอาหารที่มีแป้งสูง
- ให้รับประทานอาหารครั้งละน้อยๆแต่บ่อยๆ
- ให้รับประทานอาหารบนเตียงตอนตื่นนอนเนื่องจากการเคลื่อนไหวจะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน
- เลือกรับประทานอาหารที่มีรสดี
- อย่าให้ท้องว่างเพราะท้องว่างจะทำให้เกิดคลื่นไส้อาเจียน
- หลีกเลี่ยงกลิ่นฉุนๆ
- งดดื่นน้ำผลไม้ กาแฟ แอลกอฮอล์ระหว่างรับประทานอาหาร
- ดื่มน้ำขิงอาจจะบรรเทาอาการ
ถ้ามีอาการมากน้ำหนักตัวลดมาก
- แพทย์จะให้ยาแก้คลื่นไส้อาเจียน
- ให้น้ำเกลือเพื่อแก้คลื่นไส้อาเจียน
การฝากครรภ์
ว่าที่คุณแม่ที่วางแผนจะตั้งครรภ์ควรปรึกษาแพทย์ก่อน การตั้งครรภ์เพื่อประเมินว่าจะต้องดูแลเป็นพิเศษอะไรบ้าง แพทย์จะซักประวัติโรคประจำตัวโรคทางกรรมพันธุ์ ยาที่ใช้ ประวัติการแท้ง การคลอดบุตรก่อนกำหนด เพื่อวางแผนการรักษา แต่ในความเป็นจริงมักมาฝากครรภ์ หลังจากทราบว่าตั้งครรภ์แล้ว ควรจะรีบฝากครรภ์เมื่อทราบว่าตั้งครรภ์
เมื่อท่านฝากครรภ์ครั้งแรก แพทย์จะประวัติ การเจ็บป่วยในอดีต โรคประจำตัว ประวัติการเจ็บป่วยของครอบครัว ประวัติการเจ็บป่วยของสามี ยาที่ใช้อยู่หรือใช้เป็นครั้งคราว และทดสอบการตั้งครรภ์
การตรวจร่างกาย
แพทย์จะวัดความดันโลหิต ชั่งน้ำหนัก ตรวจปัสสาวะ ตรวจภายในเพื่อวัดขนาดของมดลูกเพื่อประเมินอายุครรภ์ ตรวจวัดความกว้างของช่องเชิงกรานว่ากว้างพอจะคลอดเองได้หรือไม่ ตรวจหามะเร็งปากมดลูก
เรามีวิดีโอท่านอนของว่าที่คุณแม่มาให้ชมกันค่ะ
การเปลี่ยนระหว่างการตั้งครรภ์
อายุครรภ์คืออะไร
เมื่อประจำเดือนขาด คนท้องมักจะถามว่า "ท้องกี่เดือน" " เมื่อไรจะคลอด" ความจริงก็คือถามอายุครรภ์นั้นเอง อายุครรภ์คืออายุของเด็กที่ยังไม่คลอด นับตั้งแต่วันแรกของรอบเดือนสุดท้ายจนคลอดโดยปกติใช้เวลา 40 สัปดาห์ก็คือวันคลอดนั้นเองประโยชน์ของอายุครรภ์
บางท่านแบ่งอายุครรภ์ออกเป็น 3 ไตรมาศ ไตรมาศละ 3 เดือนเพื่อประโยชน์ในการวางแผนตรวจเลือด และติดตามการเจริญเติบโตของเด็กรวมทั้งการเฝ้าติดตามโรคแทรกซ้อนที่จะเกิดในแต่ละช่วงของการตั้งครรภ์การคำนวณอายุครรภ์
เราสามารถทราบอายุครรภ์ได้ 3 วิธี คือ
1. หากประจำเดือนมาสม่ำเสมอให้นับวันแรกของประจำเดือนครั้งสุดท้ายเป็นวันเริ่มต้นของการตั้งครรภ์ วันคลอดให้นับไป 40 สัปดาห์
2. การตรวจภายในวัดขนาดของมดลูกสามารถบอกอายุครรภ์ได้แต่ไม่แม่นยำ
3. การตรวจ ultrasound สามารถตรวจอายุครรภ์ได้ตั้งแต่อายุ 5-6 สัปดาห์ขึ้นไป แต่จะบอกได้ดีที่อายุครรภ์ 8-18 สัปดาห์หลังจากนั้นจะบอกไก้ไม่แม่นยำ
4. การคำนวนอายุครรภ์
การตั้งครรภ์และการออกกำลังกาย
หากไม่มีข้อห้ามเกี่ยวกับการออกกำลังกาย ว่าที่คุณแม่ทั้งหลายควรได้ออกกำลังกายเพราะ สุขภาพของคุณแม่ดี น้ำหนักเพิ่มไม่มาก หลังคลอดน้ำหนักจะลดเร็ว อารมณ์จะดีและหลับง่าย ลดอาการท้องผูก ปวดหลัง เส้นเลือดขอด
ข้อแนะนำเกี่ยวกับการออกกำลังกาย
เป็นการยากว่าจะออกกำลังแค่ไหนถึงพอดี แต่มีคำแนะนำให้ ว่าที่คุณแม่ทั้งหลายที่เคยออกกำลังกายให้ออกกำลังกายเหมือนก่อนการตั้ง ครรภ์ แต่ต้องปรับความแรงของการออกกำลังกาย ให้ลดลงรวมทั้งระยะเวลาที่ออกกำลังก็ให้ลดลง สำหรับผู้ที่ไม่เคยออกกำลังกายก็ให้ค่อยๆเริ่ม ส่วนท่านที่มีโรคประจำตัว หรือมีปัญหาเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ครั้งก่อนเช่น คลอดก่อนกำหนด แท้ง ความดันโลหิตสูง หรือมีเลือดออก ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการออกกำลังกาย การออกแต่ละครั้งควรอย่าให้เหนื่อยมากเกินไป อย่าออกจนหายใจหอบ แต่ต้องระวังเนื่องจากการตั้งครรภ์จะทำให้ศูนย์ถ่วงของร่างกายเปลี่ยนไป และอาจจะได้รับอันตรายที่เกิดกับข้อเนื่องจากเอ็นจะหย่อน คำแนะนำต่อไปนี้เป็นคำแนะนำเพื่อความปลอดภัยสำหรับแม่และลูก
- ถ้าหากคุณเคยออกกำลังมาก่อนก็ให้ออกกำลังต่อโดยปรับความแรงและระยะเวลาที่ออกให้น้อยลง
- ถ้าหากคุณไม่เคยออกกำลังแนะนำให้ค่อยๆออกกำลังย่าหักโหม
- ออกกำลังอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง
- อย่าออกกำลังจนเหนื่อยมาก หรือหัวใจเต้นเกิน 140 ครั้งต่อนาที
- อย่าออกกำลังจนหายใจเหนื่อยหอบ นั้นย่อมแสดงว่าคุณขาด oxygen บุตรคุณก็จะขาดด้วย
- ต้องเลือกรองเท้าอย่างเหมาะสมคือมีแผ่นรองผ่าเท้า และ กันเข้าเท้า
- ต้องใส่ยกทรงที่สามารถรองรับน้ำหนักเต้านมได้
- ให้หยุดพักระหว่างการออกกำลังบ่อยๆและดื่มน้ำมากๆ
- ระหว่างออกกำลังให้หมั่นจับชีพขจรอย่าให้เกิน 140 ครั้ง
- อย่าออกกำลังในที่ๆอากาศร้อน ฤดูร้อนให้ออกกำลังเวลาเช้าหรือเย็น
- การยกน้ำหนักควรเน้นกล้ามเนื้อช่วงบนและกล้ามเนื้อหน้าท้องให้แข็งแรง ไม่ควรยกน้ำหนักเกินศีรษะเพราะจะทำให้กล้ามเนื้อหลังทำงานมากไป
- หลังจากตั้งครรภ์เกิน 4 เดือนไปแล้วไม่ควรออกกำลังกายท่านอนเพราะมดลูกจะกดเส้นเลือดทำให้เลือดไปเลี้ยงมดลูกน้อยลง
- ไม่ควรยืนนานเกินไปเพราะจะทำให้เลือดไปเลี้ยงมดลูกน้อยลง
- ควรมีการ warm upก่อนออกกำลังกาย cool down หลังออกกำลังกาย ควรมีการบริหารแบบ stretching ทุกครั้งที่มีการออกกำลังกาย
- ให้รับประทานอาหารที่อุดมไปด้วย ผัก ผลไม้
- เล่นสกีไม่ว่าจะเป็นหิมะ หรือน้ำ
- การดำน้ำ
- ขี่ม้า
- การออกกำลังกายอย่างมาก
- การออกกำลังที่มีการก้ม
วิธีการออกกำลังที่ปลอดภัยสำหรับคนท้อง
- การเดิน
- การขี่จักรยาน ควรเป็นจักรยานที่อยู่กับที่มากกว่า
- การเต้น aerobic ในน้ำ
- การเต้น aerobic แบบเบาๆ
- ว่ายน้ำ
- การบริหารแบบยืดเส้น
- การบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน
ขั้นตอนการออกกำลังที่ดีสำหรับคนท้องควรเป็นอย่างไร
- มีการ warm up 5-10 นาที
- มีการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง 20-30 นาทีโดยออกแบบเบาๆ เช่นการเดิน การขี่จักรยาน ว่ายน้ำ เต้น aerobic ในน้ำ เป็นต้น
- ออกกำลังอย่าให้หัวใจเต้นเกิน 140 ครั้ง
- หลังออกกำลังกายให้ cool down อีก 5-10 นาที
คุณควรหยุดการออกกำลังกายเมื่อไร
- ปวดท้อง
- เลือดออก
- หน้ามืด เป็นลม
- หัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอ
- เดินลำบาก
กล้ามเนื้อกลุ่มไหนที่คุณควรออกกำลังให้แข็งแรง
- กล้ามเนื้อหน้าท้องซึ่งจะช่วยรับน้ำหนักเมื่อครรภ์แก่ขึ้น
- กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานซึ่งจะทำให้คลอดสะดวก มีอาการปัสสาวะเร็ดน้อย
- กล้ามเนื้อหลังซึ่งจะทำให้ลดอาการของปวดหลังและหลังไม่โก่ง
การออกกำลังซึ่งจะทำให้การคลอดสะดวก
เป็นการออกกำลังของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน การออกกำลังกายนี้จะช่วยให้ช่องคลอดขยายได้ง่าย ลดการฉีกขาดของฝีเย็บ ลดอาการของปัสสาวะเร็ด วิธีการออกกำลังกล้ามเนื้อกลุ่มนี้สามารถทำได้ง่ายโดยที่ไม่มีใครทราบ วิธีการคือการขมิบหรือการกลั้นปัสสาวะ มีการขมิบครั้งละ 5-10 วินาทีแล้จึงผ่อนคลาย ทำวันละหลายๆครั้ง
Tailor Exercises
เป็นการบริหารกล้ามเนื้อที่ใช้ในการคลอดประกอบด้วยท่าต่างๆดังนี้
- นั่งบนพื้น
- ดึงเท้ามาชิดลำตัว ข้อเท้าไข้วกัน
- นั่งท่านี้ตราบเท่าที่ยังสามารถนั่งได้
Tailor Press
- นั่งบนพื้น
- ผ่าเท้าทั้งสองประกบกัน ดึงเท้าเข้าชิดลำตัว
- มือทั้งสองข้างสอดใต้เข่า
- ให้เข่าทั้งสองข้างกดลงบนมือขณะที่มือออกแรงต้านโดยกดลงเป็นเวลา 3 วินาทีจึงผ่อนคลาย
- ให้ทำซ้ำๆกัน 10 ทีต่อครั้ง ทำวันละ 2 ครั้ง
3. Tailor Sitting and Stretching
- นั่งหลังตรง
- เหยียดเท้าออกไป ปลายเท้าห่างกันประมาณ 1 ฟุต
- เหยียดแขนทั้งสองข้างไปเท้าซ้ายแล้วดึงกลับมา
- เหยียดแขนทั้งสองข้างไปตรงกลางแล้วดึงกลับมา
- เหยียดแขนทั้งสองข้างไปเท้าขวาแล้วดึงกลับมา
- แต่ละครั้งทำ 10 ที ทำวันละ 2 ครั้ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น